ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปยังมณฑลพิธีวางศิลาฤกษ์ เพื่อทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ให้เป็นมิ่งมงคลสวัสดิ์ ณ พื้นที่จัดสร้างอาคารศูนย์การแพทย์ภัทรมหาราชานุสรณ์

๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ เวลา ๑๗.๐๙ น. ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปยังมณฑลพิธีวางศิลาฤกษ์ เพื่อทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ให้เป็นมิ่งมงคลสวัสดิ์ ณ พื้นที่จัดสร้างอาคารศูนย์การแพทย์ภัทรมหาราชานุสรณ์ โดยมีพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เฝ้ารับเสด็จ

ด้วยพระวิสัยทัศน์และพระเมตตาของศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ทรงห่วงใยสุขภาวะของประชาชนชาวไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ดำเนินการขยายการให้บริการของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จากโรงพยาบาลเฉพาะทางโรคมะเร็งขนาด ๑๐๐ เตียง สู่โรงพยาบาลส่วนต่อขยายขนาด ๔๐๐ เตียง โดยพระราชทานนามว่า “ศูนย์การแพทย์ภัทรมหาราชานุสรณ์” อันมีความหมายว่า ศูนย์การแพทย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐยิ่ง ทรงตั้งพระทัยอุทิศถวาย เป็นพระราชานุสรณ์ แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อถวายราชสดุดี และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ทรงมีต่อประชาชนไทยตลอดระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติ

ศูนย์การแพทย์ภัทรมหาราชานุสรณ์แห่งนี้จะเป็นโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ส่วนต่อขยายขนาด ๔๐๐ เตียงที่ให้การตรวจวินิจฉัยและรักษาด้วยศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทางด้านต่างๆ ด้วยทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยระดับมาตรฐานสากลเพื่อให้บริการด้านสุขภาพและสาธารณสุข และให้การรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพแก่ประชาชนทุกระดับอย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ ด้วยพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลว่าควรมีการผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ และมีจำนวนพอเพียง ศูนย์การแพทย์ภัทรมหาราชานุสรณ์ ยังเป็นศูนย์กลางการศึกษาที่จะรองรับการเรียนการสอนในหลักสูตรต่างๆของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยจะเป็นแหล่งพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านวิชาการ งานวิจัย และนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ให้ทัดเทียมนานาประเทศ ทั้งนี้ ศูนย์การแพทย์ภัทรมหาราชานุสรณ์ ตั้งอยู่ภายในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ โดยได้เริ่มดำเนินโครงการจัดสร้างอาคารบนพื้นที่ทั้งหมด ๒๔ ไร่ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๖๔